Powered By Blogger

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551


กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อครั้งที่พระเจ้าสร้างโลก พระองค์มีถุงหนังใบใหญ่เอาไว้ใส่ ของวิเศษต่างๆ พระองค์เริ่มต้นด้วยการ สร้างมหาสมุทร ทั้ง7 โดยการวางของวิเศษของพระเจ้า พระองค์จะต้องวางทั้งของดีและของไม่ดี คู่กันไป เพื่อไม่ให้ประเทศหนึ่งประเทศใด สมบูรณ์ไปกว่าประเทศอื่นๆ ทรง เอาเทือกเขาร็อกกี้ น้ำตกไนแองการ่า วางไว้ให้อเมริกา แล้วก็เอาทะเลทรายอริโซน่า กับพายุทอนาโดวางไว้ด้วย เอาป่าอเมซอนวางไว้ให้บราซิล ทรงเอาไข้ป่า วางไว้ให้ด้วย เอาขั้วแม่เหล็กโลกวางไว้ให้แคนาดา แต่ก็ทรงเอาความหนาวเย็นวางไว้ให้ เอาเทือกเขาหิมาลัยให้ธิเบตกับเนปาล เพื่อเป็นปราการกั้นข้าศึก แต่ก็เอาความเบาบางของอากาศ และความแห้งแล้งไว้ให้ ทุกประเทศจะได้ของคู่กันแบบนี้ ทั้งหมดจึงไม่มีประเทศใดน้อยหน้ากว่ากัน คราวนี้ พระองค์ทรงลืมประเทศรูปขวานเล็กๆ ทางแหลมอินโดจีน ทรงสะพายถุงวิเศษ แล้วก้าวข้ามเขาหิมาลัยไป แต่ด้วยความที่เขาสูงมาก เกี่ยวถุงของพระเจ้าขาด ข้าวของที่ดีๆที่เตรียมเอาไว้ให้ประเทศอื่นๆ เช่น ชายหาดสวยๆ ผืนดินอุดมสมบูรณ์ ศิลปะวัฒนธรรมดีๆ อาหารอร่อยที่สุดในโลก ดอกไม้ ผลไม้ ชายทะเล ก็เทไปกองรวมกันที่ประเทศไทยหมด ว้า แย่แล้ว พระเจ้า ทรงคิด ประเทศนี้ ท่าทางต้องเจริญกว่าประเทศอื่นๆทั้งหมดแน่นอน พระเจ้า ทรงมองหาภัยธรรมชาติที่จะมาถ่วงดุล แต่สายเสียแล้ว พระองค์ทรงเอาภูเขาไฟ กับแผ่นดินไหว ให้ญี่ปุ่นไปแล้ว ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ ประเทศอื่นๆ จะมาฟ้องร้องพระองค์ได้ว่าพระองค์ไม่ยุติธรรม จะมีภัยธรรมชาติอันใดหนอที่ จะทำให้ประเทศไทยไม่เจริญกว่า ประเทศอื่นๆได้ เมื่อทรงคิดได้ เพื่อเป็นการป้องกันประเทศอันสมบูรณ์ที่สุดในโลกนี้ ไม่ให้ล้ำไปกว่าที่อื่นๆ พระองค์ก็เลยสร้าง คนไทยขึ้นมา "ถ้ามีคนไทยอยู่ล่ะก็ ต่อให้สมบูรณ์แค่ไหน ไทยก็ไม่มีวันเจริญ” . ... . . .. . ... . .............. โห *0* ............... คัยเคยอ่านแล้วก้อขอโทดด้วยนะ -/\-
แปลกมั๊ย..ใคร ๆ ก็คิดว่าเวลากับนาฬิกาเป็นสิ่งที่คู่กันเสมอจริง ๆ แล้ว มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นซักหน่อย

เวลา... เดินไปข้างหน้า นาฬิกา.. เดินอยู่ที่เก่า

เวลา.. เราไม่อาจย้อนกลับ นาฬิกา.. เราหมุนย้อนมันได้

เวลา.. เมื่อสูญเสียไปแล้วไม่อาจเรียกร้องคืน นาฬิกา.. เสียก็ซ่อม หรือซื้อใหม่ไปเลย

เวลา.. ได้มาฟรีๆ ไม่ต้องแลกกะอะไร นาฬิกา.. ยิ่งสวยยิ่งแพง ใช้เงินซื้อมันมาทั้งนั้น

แล้วอย่างนี้ มันจะคู่กันได้ยังไง ในเมื่อมันแตกต่างกันเหลือเกิน แต่ถามหน่อย..

ถ้าไม่มีนาฬิกา จะรู้เวลามั๊ย หรือถ้ามีแต่นาฬิกา แต่ไม่รู้จักเวลา จะมีประโยชน์อะไร

ถึง 2 สิ่งจะแตกต่างกัน แต่ถ้ามันจะคู่กันแล้ว ย่อมมีจุดร่วมกันเสมอ เพียงแต่จะมองเห็นมันรึป่าว?

ฉันกับเค้า.. อาจไม่มีอะไรเหมือนกัน ฉันกับเค้า.. มีความคิด และวิถีชีวิตที่ต่างกัน ฉันกับเค้า.. อาจเดินกันคนละเส้นทาง ฉันกับเค้า.. อาจมีความฝันที่ห่างไกลกัน
ฉัน.. อาจเหมือนกับเวลา ที่ชอบเดินไปข้างหน้า หาสิ่งใหม่ๆที่ท้าทาย โดยทิ้งหลายสิ่งไว้ข้างหลัง
เค้า.. อาจเหมือนกับนาฬิกา ที่ยังเป็นแบบเดิมๆ ใช้ชีวิตและทำหน้าที่ไปเรื่อยๆ ในมุมเก่าๆ ฉันอาจไม่พบกับเค้าเลย ถ้าฉันยังดึงดันจะมองแต่ข้างหน้า ฉันอาจไม่พบกับเค้าเลย ถ้าฉันไม่มองไปข้างหลัง เค้ายังไม่เห็นฉัน เพราะเขายังอยู่แบบเดิมๆ เค้ายังไม่เห็นฉัน เพราะเขายังก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของเขาไป แต่ฉันยังเฝ้ามอง เฝ้ารอ … ความแตกต่าง อาจสร้างกำแพงบังเค้าไว้ แต่ฉันยังเชื่อมั่น ว่าซักวัน สิ่งนั้นน่ะแหละ ที่จะเชื่อมโยงใจเราเข้าหากัน ความแตกต่าง จะเติมเต็มส่วนที่เราขาดหาย และสุดท้ายก็จะเหลือเพียงแค่คำว่า..**กันและกัน **
คำที่ใช้แทนคำว่ารักได้ดีที่สุด น่าจะเป็นคำว่า

"ใส่ใจ"

...หากคุณคิดที่จะบอกรัก
หรือรู้สึกว่าตัวเองเริ่มที่จะรักใครซักคน ลอง
ถามตัวเองดูว่า คุณใส่ใจเค้ามากน้อยแค่ไหน?
ความใส่ใจ ไม่ใช่ ความเอาใจ

...หากคนรักของคุณจำได้ขึ้นใจว่า คุณเคยพูดว่าอยากได้อะไรแล้วเค้าหาซื้อของชิ้นนั้นให้ ไม่ใช่สัก
แต่ว่าซื้อซื้อซื้อของเยอะแยะมากมายเพื่อเอาใจ...นั่นแหละถึงเรียกว่า ความใส่ใจ

...ความใส่ใจ ไม่ใช่ ความหึงหวง
หากคนรักของคุณโทรหาคุณทุกคืนถามว่ากลับ
ถึงบ้านหรือยัง เพียงเพราะเค้าเป็นห่วง
ม่ต้องการให้คุณได้รับอันตรายในยามดึก
ไม่ใช่กลัวว่าคุณจะไปกับคนอื่น...นั่นแหละเรียกว่าความใส่ใจ

...ความใส่ใจ ไม่ใช่ ความมีน้ำใจอย่างเดียว
หากแต่มีความถนอมน้ำใจด้วย หากคนรักของคุณทำอะไรเพื่อคุณซักอย่างด้วยความตั้งใจ
แต่คุณกลับไม่ชอบมัน คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะพูดอะไรออกไป ใส่ใจในความรู้สึกของเค้าด้วย

...หากคุณทะเลาะกับคนรัก แต่แล้ววันรุ่งขึ้น
คนรักของคุณยังโทรมาแสดงความ
เป็นห่วงในเรื่องต่างๆ เหมือนทุกๆวันทั้งๆที่ยังไม่หายโกรธ...นั่นแหละเรียกว่าความใส่ใจ

...หากคนรักของคุณยอมสละเวลาทำบางสิ่ง เอาไว้ทีหลัง
เพียงเพื่อช่วยทำในสิ่งที่คุณขอ...นั่นแหละเรียกว่า ความใส่ใจ
คนเราบางครั้งก็ต้องการมีใครซักคนคอยใส่ใจเราบ้าง หากคุณต้องเดินทางไกลมันจะรู้สึกดีเอา
มากๆถ้าคนรักของคุณโทรมาถามว่า "ถึงหรือยัง" "ปลอดภัยไหม" "เหนื่อยไหม"

... หากคุณต้องปฏิบัติภาระกิจสำคัญไม่ว่าจะเรื่องงาน
หรือเรื่องเรียน มันจะรู้สึกดีเอามากๆ ถ้าคนรักของคุณจำได้ และโทรมาบอกว่า"โชคดีนะชั้นจะคอย
เป็นกำลังใจให้"

...หากคุณต้องขับรถคนเดียว
มันจะรู้สึกดีเอามากๆถ้าคนรักของคุณโทรมาบอก
ว่า "ขับรถดีๆนะ"หากคุณป่วยเป็นไข้ ไม่สบาย
มันจะรู้สึกดีเอามากๆถ้าคนรักของคุณโทรมาเตือนให้คุณกินยา และพักผ่อนมากๆ

...ความใส่ใจ กับ ความเกรงใจ คล้ายกันในหลายๆด้านคุณอาจคิดว่ายิ่งคบกันสนิทสนมกันมากเท่าไหร่
ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันให้มากเหมือนคนที่เพิ่งเริ่มรู้จักกัน

...แต่กลับไม่คิดอย่างนั้น ยิ่งสนิทกันมากเท่าไหร่
ต้องยิ่งเกรงใจซึ่งกันและกัน ความเกรงใจเป็นสิ่งดีและเป็นบ่อเกิดของความสัมพันธ์อันยั่งยืนคุณ
เห็นไหมล่ะว่า ไม่ยากเลยที่จะแสดงความใส่ใจต่อใครซักคน

***อย่า...พูดอย่างนี้กับสาว***

***อย่า...พูดอย่างนี้กับสาว***

ผู้หญิงมักจะบอกให้ผู้ชายพูดออกมาอย่างเปิดเผย แต่พอคุณพูดเรื่องจริงทั้งหมดอย่างไม่ยั้ง เธอก็มักจะร้องไห้ออกมา สับสนล่ะสิ?? ทำไมบอกให้เราพูดแต่พอพูดออกมาก็ร้องไห้ซะล่ะ เพื่อเป็นการป้องกันเหตุการณ์น่าสยองในอนาคต ให้ละเว้นประโยคบางประโยคต่อไปนี้กับหญิงสาวของคุณซะ ถึงคุณจะคิดว่าเธออยากได้ยินก็ตาม

"***สาวเสิร์ฟคนนี้น่ารักดี***" คำพูดในลักษณะนี้ไม่ว่าจะเป็น สาวเสิร์ฟ หรือ คนที่เพิ่งเดินผ่านไปก็ตาม ถึงแม้ว่าสาวของคุณจะเป็นสาวมั่นขนาดไหน เธอก็ไม่อยากได้ยินว่าคุณมีตาให้กับสาวอื่นหรอกนะ ผู้หญิงมักจะชอบเล่นเกม ถามคำถาม "คุณว่าเธอสวยมั้ย? คุณคิดว่าเธอเป็นยังไง? แล้วคนนั้นล่ะ?" เธอกำลังจับตาดูท่าทีของคุณต่อผู้หญิงอื่นๆ เพื่อจะได้รู้ว่าเธอสู้ได้หรือเปล่า

ถึงแม้ว่าคุณไม่ควรจะตอบแบบจริงใจตรงๆ (เช่น "แค่เห็นเธอ ผมก็เริ่มสู้แล้ว") คุณก็ไม่ควรโกหก เธอรู้นะว่านางแบบในชุดว่ายน้ำสุดเซ็กซี่คนนั้นไม่ใช่แค่ "ก็ดี" คำตอบแบบกลางๆที่ทำให้ทุกคนแฮปxxxคือ "ผมก็ว่าเธอน่ารักดีนะ แต่เธอไม่มีเสน่ห์เท่าคุณหรอก"

"แม่คุณร้ายเหมือนนางมาร" เธอมักบ่นเรื่องแม่ของเธอ แต่ถ้าเมื่อไหร่คุณแสดงออกว่าเห็นด้วย คุณก็กลายเป็น "ศัตรู" ไปทันที "มันคือกับดัก" "ถ้าคุณไม่เห็นด้วยกับเธอ เธอก็คิดว่าคุณเข้าข้างแม่ แต่ถ้าคุณเห็นด้วย เธอก็จะออกมาแก้ต่างแทน" ทางที่ดีควรทำตัวกลางๆเข้าไว้ หรืออาจจะพูดทำนอง "ผมเสียใจที่เธอทำแบบนั้น ผมไม่อยากเห็นคุณโกรธเลย" แบบนี้คุณได้แสดงว่าคุณอยู่ข้างเธอ โดยไม่ได้จิกกัดทำร้ายแม่ของเธอ

"คุณอ้วนขึ้น" เมื่อผู้หญิงน้ำหนักขึ้นแค่กิโลกว่า เธอก็รู้ตัวแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องจี้บอกเธออีก! "ขนาดผู้หญิงผอมยังหวั่นไหวเรื่องน้ำหนัก" เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะคิดว่าเธอควรจะลดน้ำหนักซักนิด อย่าพูดดีกว่า อย่าแม้แต่บอกเป็นนัยๆ แต่แล้วคุณจะทำยังไงถ้าเธอเป็นคนเริ่มเรื่องนี้ขึ้นมา "เมื่อผู้หญิงถามว่าเธอดูอ้วนขึ้นมั้ย สิ่งที่ต้องการจริงๆคือ คุณยังเห็นว่าเธอสวยหรือเปล่า" ทางที่ดีนะ ให้ใช้ประโยคนี้ตอบกลับไป "ต่อให้จริงนะ ผมก็ไม่สังเกตเห็นเลย"

"ฉันไม่ควรจะทำอย่างนั้น..." เมื่อเธอพรรณนาให้คุณฟังถึงสิ่งที่เธอทำพลาดลงไป เธอต้องการการยืนยันว่าสิ่งที่เธอทำไปถูกต้องแล้ว แต่คุณกลับไม่ใส่ใจหรือปลื้มในการตัดสินใจของเธอ และยังแถมบอกว่าถ้าเป็นคุณ คุณจะไม่ทำอย่างนั้น "คุณทำให้เธอรู้สึกว่าเธอไม่เอาไหนและไม่ฉลาดเลย" ใช่...คำแนะนำของคุณมีค่า แต่สิ่งที่ทำไปแล้วก็คือทำไปแล้ว เพราะตอนนี้เธอแค่ต้องการคนสนับสนุนให้กำลังใจ

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

สิ่งที่คุนอาจจะไม่เคยรู้

ถ้าคุณตะโกนนาน 8 ปี 7 เดือน กับอีก 6 วัน คุณจะใช้พลังงานเสียงที่ได้ไปอุ่นกาแฟได้แก้วนึง

ถ้าคุณผายลมอย่างต่อเนื่องนาน 6 ปี กับ 9 เดือน แก๊สที่ได้จะเทียบเท่ากับระเบิดปรมาณูลูกนึงเลยทีเดียว

หัวใจมนุษย์มีแรงดันพอที่จะสามารถสูบฉีดเลือดได้ไกลถึง 30 ฟุต

หมูจะมีช่วงถึงจุดสุดยอดนานถึง 30 นาที (เอิ้กๆ)

แมลงสาบจะมีชีวิตอยู่ได้นาน 9 วันโดยไม่มีหัว ก่อนที่จะตายเพราะขาดอาหาร

โขกหัวเข้ากับกำแพงจะใช้พลังงาน 150 แคลอรีต่อชั่วโมง

ตัวเห็บสามารถกระโดดได้ไกลถึง 350 เท่าของความยาวตัวมันเอง

ปลาดุกมีตุ่มรับรสถึง 27000 ตุ่ม

ผีเสื้อรับรสที่ปลายเท้า

กล้าเนื้อที่แข็งแรงที่สุดในร่างกายคือ ลิ้น

คนถนัดขวาจะมีอายุโดยเฉลี่ยมากกว่าคนถนัดซ้ายอยู่ประมาณ 9 ปี

ช้างเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่ไม่สามารถกระโดดได้

ปัสสาวะแมวจะเรืองแสง Black Light

ตาของนกกระจอกเทศใหญ่กว่าสมองของมันเอง

ปลาดาวไม่มีสมอง

สิงโตบางตัวจะร่วมเพศถึง 50 ครั้ง ต่อวัน

หมีขั้วโลกเป็นสัตว์ถนัดซ้าย

**เมื่อเธอรัก ฉันก็รักไม่เห็นแปลก เมื่อเธอแยก ฉันก็แยกแปลกตรงไหน เมื่อเธอทิ้ง ฉันก็ทิ้งไม่อายใคร เธอมีใหม่ ฉันมีใหม่ไม่เห็นแคร์ **

ทดสอบความนิ่ง

http://www.jabchai.com/main/view_joke.php?id=1150